31 พฤษภาคม 2552

มะระขี้นก

มะระขี้นกช่วยเจริญอาหาร

นอกจากนั้นยังแก้โรคลมเข้าข้อ ข้อเข่าบวม บำรุงน้ำดี แก้โรคของม้าม โรคตับ ขับพยาธิในท้อง น้ำใบมะระต้มเป็นยาระบายอ่อน ๆ รักษาโรคเบาหวาน


ส่วนน้ำคั้นผลมะระแก้ปากเปื่อยปากเป็นขุย


มะระมีพลังของความเย็น สรรพคุณขับพิษ ผลมะระช่วยฟอกเลือด บำรุงตับ มีผลดีต่อสายตา และผิวหนัง


กินมะระ จะช่วยลดสิวหรือเม็ดสิวอุดตันที่ขึ้นตามใบหน้าหรือผิวหนัง


มะระขี้นก


ราก แก้พิษ รักษาริดสีดวงทวาร ฝาดสมาน แก้พิษดับร้อน แก้บิด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แผลฝีบวมอักเสบ ปวดฟันที่เกิดจากลมร้อนเถา ยาระบายอ่อน ๆ แก้พิษทั้งปวง เจริญอาหาร แก้โรคลมเข้าข้อและเท้าบวม แก้ปวดตามข้อมือและนิ้วมือนิ้วเท้า แก้โรคม้าม แก้โรคตับ ขับพยาธิในท้อง แก้พิษน้ำดีพิการ ลดเสมหะ บำรุงน้ำดี แก้พิษดับร้อน แก้บิด แก้ฝีอักเสบ แก้ปวดฟัน แก้ไข้

ใบ แก้ไข้ ดับพิษร้อน แก้ปากเปื่อยเป็นขุย ขับพยาธิ ขับระดู บีบมดลูก ขับลม แก้ธาตุไม่ปกติ ทำให้นอนหลับ แก้ปวดศีรษะ แก้พิษ แก้ไอเรื้อรัง ยาระบายอ่อน ๆ แก้เสียดท้อง บำรุงธาตุ ขับพยาธิเส้นด้าย ดับพิษฝีที่ร้อน รักษาแผล บำรุงน้ำดี แก้ไข้หวัด ไข้ตัวร้อน ยาฟอกเลือด แก้ร้อนใน แก้ม้าม แก้ตับพิการ แก้ฟกบวมอักเสบ แก้ปวดเนื่องจากลมคั่งในข้อ ทำให้อาเจียน แก้โรคกระเพาะ แก้บิด แผลฝีบวมอักเสบ เจริญอาหาร ฟอกโลหิต รัดถานและถอนไส้ฝี

ดอก แก้พิษ แก้บิด

ผล แก้พิษฝี แก้ฟกบวม แก้อักเสบ แก้โรคลมเข้าข้อ บำรุงน้ำดี ขับพยาธิ แก้ปากเปื่อย ปากเป็นขุย บำรุงระดู ดับพิษร้อน ถ่ายท้อง แก้พิษ ขับลม แก้คัน แก้ธาตุไม่ปกติ แก้เสียดท้อง แก้เจ็บปวดอักเสบ ระบายอ่อนๆ แก้บวม แก้โรคผิวหนัง บำบัดโรคเบาหวาน ยาบำรุง ทาหิด ฝาดสมาน แก้โรคเม็ดผดผื่น คันในตัวเด็ก แก้พิษไข้ แก้หัวเข่าบวม แก้ปวดตามข้อ แก้ม้าม แก้ตับพิการ เจริญอาหาร ใช้มากๆ เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาโรคเรื้อน บำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้ปวดเจ็บอักเสบจากพิษต่างๆ ดับร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง แก้บิด ตาบวมแดง แผลบวม เป็นหนอง ต้านมะเร็ง

เมล็ด แก้พิษ เป็นยากระตุ้นความรู้สึกทางเพศ เพิ่มพูนลมปราณ บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ต้านมะเร็ง

ทั้งห้า บำรุงน้ำดี ดับพิษทั้งปวง เจริญอาหาร บำรุงน้ำนม แก้ไข้
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แก้ไข้ บำรุงโลหิต แก้โรคลมเข้าข้อ หัวเข่าบวม บำรุงน้ำดี ระบาย แก้โรคม้าม โรคตับ ยาฟอกเลือด ถ่ายพยาธิเข็มหมุด ยาเจริญอาหาร ดับพิษ แก้คัน ทาหิด แก้โรคผิวหนัง บำบัดโรคเบาหวาน ขับพยาธิ

ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้รักษาแผลสด

วุ้นจากใบว่านหางจระเข้ ใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ ทำให้สุขภาพของตับอ่อนดีขึ้น ส่วนสารพวกเรซิน อโลอีโมดิน ในวุ้นจะช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ผิวหนังไหม้เกรียมจากแสงแดด


การใช้วุ้นของว่านหางจระเข้รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลไหม้เกรียมจากแสงแดด และการฉายรังสี โดยเลือกวุ้นจากใบที่อยู่ส่วนล่างของต้น ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างยางสีเหลืองออกให้สะอาดด้วยน้ำต้มสุก หรือน้ำด่างทับทิม เพราะอาจจะระคายเคืองผิวหนัง และทำให้มีอาการแพ้ได้ (ในบางคน) ขูดเอาวุ้นใส หรือฝานเป็นแผ่นบาง ๆ มาพอกแผล แล้วใช้ผ้าพันแผลที่สะอาดพันทับให้ชุ่มอยู่ตลอดเวลาในชั่วโมงแรก ต่อจากนั้นทาวันละ 3-4 ครั้ง จนกว่าแผลจะหาย วุ้นของว่านหางจระเข้ยังสามารถ ใช้รักษาฝีพุพองได้อีกด้วย เพราะจะช่วยลดการอักเสบของแผล

วุ้นสดของว่านหางจระเข้ไม่ควรเก็บไว้เกิน 24 ชั่วโมง

ขมิ้นชัน

ขมิ้นชันรักษากระเพาะ

เหง้าขมิ้นชัน มีน้ำหอมระเหยที่กระตุ้นการหลั่งเมือกออกมาเคลือบกระเพาะอาหารลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด ขับลม และช่วยให้เจริญอาหาร


ขมิ้น
เหง้าของขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการ อักเสบ และ มีฤทธิ์ในการ ขับน้ำดี น้ำมันหอมระเหย ในขมิ้นชัน มีสรรพคุณบรรเทา อาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุดเสียด

การใช้ขมิ้นชัน แก้แพ้แก้อักเสบ แผล ฝีพุพอง แมลงสัตว์กัดต่อยภายนอก โดยใช้เหง้ายาวประมาณ 2 นิ้ว ฝนกับน้ำต้มสุกทาบริเวณที่เป็น วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงขมิ้นโรยทาบริเวณที่มีอาการ ผื่นคันจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้
อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียดและอาหารไม่ย่อย ใช้เหง้าขมิ้น ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดจัด ๆ สัก 1-2 วัน บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทานครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ถ้ามีอาการท้องเสียให้หยุดยาทันที

นอกจากโรคเกี่ยวกับท้องแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายและช่วยบำรุงตับ รักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบอีกด้วย เพราะว่ามีฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้นกันให้แก่ร่างกาย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง มีฤทธิ์ขับน้ำดีช่วยในการย่อยและป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์ขับลม


ในเด็กเล็กเวลายุงกัดหรือเป็นแผลใช้ขมิ้นมาทารักษาได้ผลดีมาก


ใครอยากผิวสวยก็ใช้ผงขมิ้นผสมมะขามเปียกขัดผิวอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง รับรองผิวเนี่ยนนุ่มเชียวละ


ใบอ่อน ๆ ก็นำมารองห่อหมกกินอร่อยเชียวล่ะ

มะม่วงหิมพานต์



มะม่วงหิมพานต์รักษาโรคผิวหนัง


เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใช้แก้กลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง ยางใช้รักษาหูด ตาปลา ใบใช้พอกแก้โรคผิวหนัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก นำใบไปเผาใช้สูดดม แก้ไอ แก้เจ็บคอ ส่วนผลใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

แก้ท้องร่วง


มะม่วงหิมพานต์

ในประเทศไทย มะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภาคใต้ และมีชื่อเรียกตามสำเนียงภาษาถิ่นใต้แตกต่างกันไป เช่น กาหยู กาหยี (เข้าใจว่าเป็นคำยืมจากภาษามลายู ซึ่งยืมจากภาษาโปรตุเกสอีกทอดหนึ่ง) ม่วงเม็ดล่อ ม่วงเล็ดล่อ หัวครก เป็นต้น


ตำนานของชื่อมะม่วงหิมพานต์มีมาว่า


ครั้งหนึ่งหัวหน้าเทวดาบนสวรรค์เกิดป่วยขึ้นมา เหล่าเทวดาทั้งหลายต่างพากันไปเสาะแสวงหาผลไม้ชนิดต่าง ๆ มาคั้นเอาน้ำทำยารักษา แต่ก็ยังไม่หาย ตกกลางคืนเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่องค์หนึ่งได้มาเข้าฝันว่า ผลไม้ที่สามารถรักษาอาการป่วยครั้งนี้ได้นั้นมีอยู่ต้นเดียวและมีผลอยู่ลูกเดียวเท่านั้น อยู่ในป่าหิมพานต์ ลักษณะเป็นผลสีเหลือง ต้นเป็นไม้ใหญ่มีใบหนา แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วบริเวณที่ขึ้นอย่างกว้างขวาง
เมื่อเทวดาทั้งหลายทราบเรื่องก็พากันเหาะไปเก็บมาให้ ครั้นได้กินยาที่คั้นจากน้ำผลไม้ แล้วหัวหน้าเทวดาก็หายป่วยอย่างอัศจรรย์ ฝ่ายต้นแม่ของผลไม้นั้น เมื่อถูกเด็ดลูกไปก็ร้องไห้เสียใจเหมือนแม่ที่ถูกคนอื่นมาพรากลูกไปจากอก จากกนั้นอีกหลายร้อยปีต่อมาจึงออกผลมาอีกผลหนึ่ง และต้นไม้นั้นก็มีอายุมากใกล้จะตายแล้ว ผลของมันจึงคิดว่าถ้าแม่ตาย มันคงอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีต้นแม่คอยหล่อเลี้ยงอาหาร จึงคิดจะคายเม็ดออกมาให้หล่นสู่พื้น เพื่อที่จะได้งอกเป็นต้นพันธุ์ต่อไป

ฝ่ายหัวหน้าเทวดาเห็นผลต้นไม้ที่เคยใช้เป็นยากำลังคายเมล็ดเกือบจะร่วงลงดินอยู่แล้วก็ตวาดไปว่า "อย่าร่วง" ด้วยวาจาสิทธิ์ เมล็ดผลไม้นั้นก็ติดห้อยอยู่กับผลด้านนอกมาตราบทุกวันนี้ คำว่าอย่าร่วงต่อมาได้เพี้ยนไปเป็น "ยาร่วง" ซึ่งเป็นชื่อเรียกมะม่วงหิมพานต์ของชาวใต้ ต่อมาเพี้ยนจากยาร่วงมาเป็น "มะม่วง" และเนื่องจากต้นพันธุ์ดั้งเดิมมีกำเนิดอยู่ในป่าหิมพานต์ จึงมีชื่อเรียกในปัจจุบันว่า "มะม่วงหิมพานต์
ในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ก็มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อเทียบกับถั่วเปลือกแข็งด้วยกัน มะม่วงหิมพานต์ถือว่ามีไขมันน้อยกว่ามาก คือ 47% เท่านั้น ทำให้เมื่อแกะเปลือกออกแล้วเก็บได้นาน ไม่เหม็นหืน แถมไขมันในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ยังเป็นไขมันชนิดดีถึงกว่า 75% และมีแร่ธาตุที่สำคัญอย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม อีกทั้งยังมีวิตามินอีในปริมาณมากเท่าๆ กับในถั่วลิสง แถมยังมีเส้นใยมากถึง 16 กรัม ต่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัมอีกด้วย


มะม่วงหิมพานต์ยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ผลสุกจะเป็นยาบำรุงกำลัง ยาระบายอ่อนๆ และขับปัสสาวะได้ เปลือกของผลดิบเป็นยาคุมธาตุ ดอกเปลือก เนื้อใน เมล็ด รับประทานแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้อาเจียน สำหรับใบเอามาเผาสูดควันรักษาอาการไอและเจ็บคอ นอกจากนี้ยางของผลสดที่ยังไม่สุกและเด็ดออกมาใหม่ๆ ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาหูดได้โดยนำยางมาทาบริเวณที่เป็นหูด ทาบ่อยๆจนกว่าจะหาย ส่วนยางจากต้นจะใช้รักษาอาการตาปลาได้ โดยนำยางจากต้นไปทาบริเวณที่เป็นตาปลา ยางจะกัดเนื้อบริเวณนั้น ส่วนยางจากเมล็ดนั้นจะใช้รักษาโรคกลากเกลื้อนได้

ทางภาคใต้จะใช้ใบอ่อนกินเป็น ผักเหนาะ กินกับขนมจีน หรือน้ำพริก

ส่วนผลสุก นำมายำโดยใส่หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย น้ำตาล น้ำปลา


เมล็ดคั่วให้สุกเอาเปลือกออก กินเล่น มัน ๆ




แปะก๊วย


แปะก๊วยบำรุงสมอง


ใบแปะก๊วย มีสรรพคุณต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง ป้องกันการรวมตัวของเกล็ดเลือดและสามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมในวัยชราได้


แปะก๊วย
ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศได้ให้การยอมรับถึงสรรพคุณของใบแปะก๊วยในการรักษา โรคสมองเสื่อม โดยการนำสารสกัดจากใบแปะก๊วยมารวมกับสารอื่น ๆ ช่วยให้การดูดซับที่ผนังลำไส้เล็กดีขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาสารสกัดจากใบแปะก๊วยนี้มาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น


นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดดังกล่าวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ใช้รักษาโรคความจำเสื่อมโรคซึมเศร้า อาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอในผู้ป่วยสูงอายุ ผลแปะก๊วยที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าแหล่งใหญ่ของสารที่ทำหน้าที่ช่วยเสริมสุขภาพดังกล่าว กลับพบมากในส่วนของใบมากกว่าผลเสียอีก แปะก๊วย

ตำลึง



ตำลึงบำรุงร่างกาย


ใบตำลึงแก่ มีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี เหล็ก แคลเซียม ช่วยบำรุงเลือดทำให้ผิวพรรณดี นำไปคั้นน้ำดื่ม แก้โรคหลอดลมอักเสบและรักษาเบาหวานได้


ตำลึง
สรรพคุณตำลึงอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก และฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก ไนอาซิน วิตามินซีและอื่น ๆ นอกจากนี้ จากการค้นคว้าของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย สำหรับตำรายาแผนโบราณ ตำลึงถือเป็นยาเย็น ใบช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้ อักเสบ แมลงมีพิษกัดต่อย แก้แสบคัน เจ็บตา ตาแดงและตาแฉะ แก้โรคผิวหนัง และลดน้ำตาลในเลือด

ราก : แก้ดวงตาเป็นฝ้า ลดความอ้วน แก้ไข้ทุกชนิด ดับพิษทั้งปวง ฝนทาภายนอก แก้ฝีต่างๆ แก้ปวดบวม แก้พิษร้อนภายใน แก้พิษแมลงป่องหรือตะขาบต่อย

ต้น : กำจัดกลิ่นตัว น้ำจากต้น รักษาเบาหวาน
เปลือกราก : เป็นยาถ่าย ยาระบาย

เถา : แก้ฝี ทำให้ฝีสุก แก้ปวดตา แก้โรคตา แก้ตาฝ้า ตาแฉะ แก้พิษอักเสบจากลูกตา ดับพิษร้อน ถอนพิษ เป็นยาโรคผิวหนัง แก้เบาหวาน

ใบ : เป็นยาพอกรักษาผิวหนัง รักษามะเร็งเพลิง แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด แก้หืด รักษาผื่นคันที่เกิดจากพิษของหมามุ้ย ตำแย บุ้งร่าน ใช้เป็นยาเขียว แก้ไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษทั้งปวง แก้ปวดแสบปวดร้อน ถอนพิษคูน แก้คัน แก้แมลงกัดต่อย แก้ไข้หวัด แก้พิษกาฬ แก้เริม แก้งูสวัด
ใช้เป็นรักษาอาการแพ้ อักเสบ แมลงกัดต่อย เช่น ยุงกัด ถูกตัวบุ้ง แพ้ละอองข้าว โดยเอาใบสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียดผสมน้ำเล็กแล้วคั้นน้ำจากใบเอามาทาบริเวณที่มีอาการ พอน้ำแห้งแล้วทาซ้ำบ่อยๆจนกว่าจะหาย

ผล : แก้ฝีแดง

ทั้งห้า รักษาโรคผิวหนัง รักษาอาการอักเสบของหลอดลม รักษาเบาหวาน

29 พฤษภาคม 2552

มะนาวสารพัดประโยชน์



มะนาวมีวิตามินซีสูง

ใช้รักษาโรคลักปิดลักเปิด น้ำมันหอมระเหยตรงเปลือกช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ส่วนกรดในน้ำมะนาวจะไปกระตุ้นให้มีการขับน้ำลาย ช่วยลดอาการไอและขับเสมหะ


สรรพคุณทางยา

มะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค ไวตามินซี จากน้ำมะนาว ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว มีไวตามินเอ และซี ทั้งยังมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวอีกด้วย มะนาวมีประโยชน์ใช้เป็นยาสมุนไพร ขับเสมหะ แก้ไอ เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้อาเจียน เมาเหล้า ขจัดคราบบุหรี่ บำรุงตา บำรุงผิว เป็นต้น


มะนาวขจัดรังแค

ขั้นตอนการทำ คือ นำน้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำบริสุทธิ์ครึ่งถ้วย คนน้ำมะนาวและน้ำเข้าด้วยกัน แล้วนวดลงบนหนังศีรษะและเส้นผมด้วยปลายนิ้วอย่างเบา ๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายและช่วยระบบหมุนเวียนของโลหิตและระบบประสาท พร้อมหมักทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างออก จะช่วยล้างรังแคเหนียว ๆ ที่ติดอยู่บนหนังศีรษะ และช่วยทำให้เส้นผมนุ่ม สลวยเป็นเงางาม


มะนาวช่วยเลิกบุหรี่

ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวในการประชุมวิชาการ "บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ" ครั้งที่7 เรื่อง "เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจต้านภัยบุหรี่" จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ว่า จากผลการวิจัยพบในวิตามินซีจะมีสารที่ช่วยลดความอยากนิโคตินได้ และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จึงมีการนำไปใช้เพื่อช่วยเลิกบุหรี่ โดยเทคนิคการรับประทานผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะมะนาวพบว่าเมื่อนำไปใช้แล้วมีประสิทธิภาพได้ผลดีมาก เนื่องจากมะนาวมีผลต่อการทำงานของต่อมรับรสขม ทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป (จากไทยโพสต์)


ผศ.กรองจิตกล่าวว่าวิธีการกินมะนาวช่วยเลิกบุหรี่ต้องหั่นมะนาวเป็นชิ้น เล็กๆ ให้มีเปลือกติดมาด้วย ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง หรือพอคำ เมื่อมีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ให้กินมะนาวแทน โดยอมแล้วค่อยดูดความเปรี้ยว จากนั้นเคี้ยวเปลือกอย่างช้าๆ นาน 3-5 นาที จะมีผลทำให้ลิ้นขม เฝื่อน จากนั้นดื่มน้ำ 1 อึก นอกจากช่วยลดความอยากนิโคตินแล้ว เมื่อสูบบุหรี่จะทำให้รสชาติบุหรี่เปลี่ยนเป็นขมจนไม่อยากสูบ และสามารถกินมะนาวหรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีความเปรี้ยวมากๆ ได้ทุกครั้งที่เกิดความอยากบุหรี่ แต่เมื่อเทียบกันพบว่ามะนาวจะได้ผลดีที่สุด


เลือกมะนาว มาใช้ปรุงน้ำจิ้ม น้ำพริก ต้มยำ หรือยำ ให้เลือกมะนาวที่สด ผิวเขียว มีเปลือกบาง ผิวตึง เพราะจะมีน้ำมันหอมระเหยที่ผิวและมีน้ำมะนาวมาก หากเลือกมะนาวผิวเหลือง ผลเก่า แม้จะเจอลูกที่มีน้ำมากก็จริง แต่จะไม่ค่อยมีกลิ่นหอมของมะนาวเมื่อนำมาทำอาหาร


การเก็บมะนาวให้สดและนาน ถ้า ต้องการเก็บผลมะนาว ทำโดย....นำไปหมกทรายหรือหมกถังข้าวสาร ก็จะสามารถเก็บผลมะนาวได้สดและนาน และในทางเอื้อประโยชน์กัน การนำผลมะนาวไปหมกไว้ในถังข้าวสาร ยังจะช่วยป้องกันมอด ไม่ให้เกิดขึ้นในข้าวสารอีกทางหนึ่ง...... สำหรับน้ำมะนาวที่คั้นแล้วและใช้ไม่หมด ให้เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง เมื่อถึงเวลาจะใช้ ก็ตักแบ่งออกมาเท่าที่ต้องการ เมื่อนำออกมาวาง ณ อุณหภูมิห้องสักครู่ น้ำมะนาวก็จะใช้งานได้เป็นปกติ ยังไม่เสียรสชาติ

สารพิษจากสมุนไพร

ประชาชนชาวไทยมีความตื่นตัวที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ จึงสนใจรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมีกรรมวิธีการผลิตและรูปแบบแตกต่างกัน เช่น ผง ถุงชงและแคปซูล ในการผลิตสมุนไพรที่ใช้เป็นวัตถุดิบ อาจเป็นสมุนไพรสดหรือแห้ง การปนเปื้อนของเชื้อราอาจเกิดได้ทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การเก็บเกี่ยว การตากแห้ง การบดละเอียด การเก็บรักษา และการบรรจุหีบห่อ สารพิษจากเชื้อราอาจปนเปื้อนอยู่ในสมุนไพร แม้จะตรวจไม่พบเชื้อราบนผลิตภัณฑ์ เพราะตัวเชื้อราถูกขจัดออกไประหว่างแปรรูป จึงเป็นการยากที่จะทราบว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่าง ๆ มีการปนเปื้อนจากสารพิษของเชื้อราหรือไม่ นอกจากจะตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสารพิษโดยตรง

ดังนั้นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร ต้องคำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น หากมีเชื้อราหรือสารพิษอยู่ในผลิตภัณฑ์ โดยผู้บริโภคนอกจากจะพิจารณาการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอาหารและยารักษาโรคแล้ว ควรเลือกบริโภคพืชสมุนไพรสดมากกว่าตากแห้งหรือแปรรูป โดยอาจเลือกรับประทานผักผลิตภัณฑ์สดสะอาดถูกหลักอนามัย ซึ่งมีให้เลือกมากมายดังต่อไปนี้